(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย – ตอนที่ 11-1 พู่กันขนเตียว

ตอนที่ 11-1 พู่กันขนเตียว

 

ตอนที่ 11 พู่กันขนเตียว 

 

 

 

 

 

วันหนึ่ง ณ ตำหนักฮวังรยง 

 

 

ฝ่าบาทประทับอยู่บนบัลลังก์ ด้านหนึ่งของฎีกากองทับถมถูกแทนที่ด้วยตำราปกสีน้ำตาล และกำลังอ่านมันอย่างจดจ่อ ขันทีโชเองก็คอยเฝ้าอยู่ข้างพระวรกายตลอด แต่เมื่อเห็นว่าข้ารับใช้จ้ำอ้าวเดินเข้ามาทางด้านหลังเสาอันใหญ่โตของตำหนัก จึงผละตัวออกมาจากฝ่าบาทครู่หนึ่ง 

 

 

“มีเรื่องอันใด” 

 

 

“สิ่งที่ฝ่าบาททรงรับสั่ง เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วขอรับ” 

 

 

“เข้าใจแล้ว ออกไปได้” 

 

 

“ขอรับ” 

 

 

หลังจากจัดการหน้าที่ของตนจนหมดสิ้นแล้ว ข้ารับใช้ผู้นั้นก็หันกลับไปยังทางที่เดินเข้ามา ส่วนขันทีโชก็ค้อมคำนับต่อฝ่าบาทที่ยังคงเพ่งอ่านตำราอยู่เช่นเดิม ก่อนจะเอ่ยรายงาน 

 

 

“ฝ่าบาท สิ่งที่พระองค์ทรงรับสั่งเมื่อวันก่อน ทั้งหมดเป็นอันเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“อย่างนั้นหรือ รวดเร็วเสียจริง แล้วจะนำมาเมื่อใดกัน” 

 

 

“แม้จะล่าช้า ก็มาถึงก่อนยามเสวยมื้อเย็นพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“ทันพอดี” 

 

 

พูดจบ จาฮอนก็วาดยิ้มเจ้าเล่ห์พลางขบคิดอะไรบางอย่าง เมื่อได้เห็นท่าทางเช่นนั้นของฝ่าบาท ขันทีโชพลันคิดในใจทันทีว่า วันนี้องค์จักรพรรดินีจะต้องทรงเหน็ดเหนื่อยมากเป็นแน่ ขณะเดียวกันก็คิดว่าตนจะต้องกำชับหมอหลวงให้นำยาบำรุงกำลังมาถวาย ณ ตำหนักยอฮยังในวันรุ่งขึ้นด้วย 

 

 

จักรพรรดินีผู้นี้ช่างเก่งกาจยิ่งนัก แม้จะผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ก็ยังคงเป็นคู่ครองเพียงหนึ่งเดียวขององค์จักรพรรดิเช่นเดิม กวาดสายตามองผังราชวงศ์ตั้งแต่สมัยก่อร่างอาณาจักรจนถึงเวลานี้ ก็มีเพียงจักรพรรดิ ยังจาฮอนพระองค์เดียวเท่านั้นที่ถูกบันทึกว่ามีจักรพรรดินีคู่กายเพียงหนึ่งเดียว 

 

 

ด้วยเหตุนั้น ส่งผลให้มีข่าวร่ำลือในหมู่ราษฎรเดินดินทั่วไปว่า ความจริงแล้วจักรพรรดินีผู้นี้เป็นลูกหลานของพวกไสยเวทย์บ้าง หรือไม่ก็ใช้เล่ห์เพทุบายทำของใส่ฝ่าบาทบ้าง 

 

 

บุรุษผู้หนึ่งสามารถคว้าความสนใจของผู้อยู่เหนือหัว จนอีกฝ่ายถึงกับไม่ชายตาแลที่อื่นเลยแม้เพียงนิด สามารถทำให้ฝ่าบาทเป็นได้ถึงเพียงนั้นจึงย่อมไม่ใช่บุรุษธรรมดา กระทั่งขันทีโชเองก็ไม่อาจทำอะไรได้แม้จะมีคำกล่าวเช่นนั้นเกิดขึ้นก็ตาม 

 

 

แน่นอนว่าสาเหตุเป็นเพราะชาติกำเนิดแท้จริงขององค์จักรพรรดินีไม่ได้ถูกเปิดเผยแก่ภายนอก 

 

 

ผู้ที่ทราบเรื่องชาติกำเนิดของอีกฝ่าย รวมถึงเหตุการณ์ขุดรากถอนโคนเหล่าขุนนางทรยศแทบสูญสิ้นไปหมดแล้ว ยามนี้มีเพียงเหล่าองครักษ์ฮวังรยง ตนและเหล่าขุนนางฝ่ายเชที่ยังรักษาชีวิตไว้ได้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่ทราบว่าแท้จริงแล้วพระมเหสีคือผู้ใดที่ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมา 

 

 

ฝ่าบาทเองก็ไม่คิดจะเปิดเผย ดังนั้นจึงเกิดเป็นข่าวลือด้วยคำกล่าวเช่นนั้น แต่ก็น่าโล่งใจ เพราะภายในวังหลวงไม่มีผู้ใดไม่รู้ความถึงขนาดหลุดถ้อยคำร่ำลือเช่นนั้นออกมาให้ได้ยิน 

 

 

เมื่อขบคิดมาถึงตรงนี้ก็ได้ยินเสียงเคาะโต๊ะตึกๆ และมีน้ำเสียงของฝ่าบาทดังตามมาหลังจากนั้น 

 

 

“มัวแต่คิดอะไรอยู่ ข้าถามว่าเป็นอย่างไรบ้างตั้งสองหนแล้ว” 

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ? ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมเหม่อลอยไปชั่วครู่” 

 

 

“ข้าถามเจ้าว่าให้ ‘นึง’ เป็นสกุลใหม่สำหรับมอบให้มเหสีเป็นอย่างไร ก่อนหน้านี้ข้าให้นามว่า ‘โซฮวา’ ดังนั้น เมื่อนำมารวมกันแล้วฟังดูเข้ากันทีเดียว” 

 

 

“กระหม่อมเองก็คิดว่าเหมาะสมกับความสง่างามของมามาเป็นอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“เจ้าเองก็คิดเช่นนั้นสินะ” 

 

 

จาฮอนจึงยกยิ้มพร้อมเติมนามสกุลใหม่เข้ากับนามที่เคยตั้งให้ พึมพำกับปากครั้งแล้วครั้งเล่า  

 

 

ขันทีโชคิดว่าคำตอบของตนถือเป็นการตัดสินใจที่ดียิ่ง ยามควรทัดทานก็ต้องทำ ทว่ากับเรื่องเหล่านี้การเห็นด้วยก็เป็นหน้าที่ที่ถูกต้องของผู้เป็นขันทีมิใช่หรือ 

 

 

ผู้มีฐานะด้อยกว่ามองฝ่าบาททรงเปิดฎีกาอีกครั้ง โดยที่ภายในยกยิ้มกระหยิ่มใจ 

 

 

 

 

 

* * * 

 

 

 

 

 

“มามา ฝ่าบาทเสด็จมาถึงแล้วเพคะ” 

 

 

ด้วยเสียงนางกำนัลรายงานจากด้านนอก หลังจากทำการโยกย้ายโต๊ะไปยังเตียงฝั่งหนึ่งแล้ว โซกังจึงลุกขึ้นจากเตียง จากนั้นประตูก็เปิดออกทันทีที่กล่าวว่าให้เชิญเสด็จ จาฮอนก้าวเข้ามาด้านในและวันนี้ดูเหมือนจะอารมณ์ดีเหลือล้น โซกังค้อมคำนับแสดงความเคารพก่อนจะโอบคล้องคออีกฝ่ายดังเช่นทุกครา 

 

 

“เก่งมากพ่ะย่ะค่ะ ทรงจัดการราชกิจของวันนี้จนเสร็จสิ้น” 

 

 

“เป็นสิ่งข้าสมควรต้องทำ ได้ยินคำชมเช่นนี้ทุกวันจนข้าจะวางตัวไม่ถูกแล้วนะ” 

 

 

“นอกจากกระหม่อมแล้ว จะยังมีใครบังอาจเอ่ยชมฝ่าบาทกันอีกเล่า ทรงทำให้กระหม่อมซาบซึ้ง เพราะอนุญาตให้เรียกขานนามอันสูงส่งของพระองค์ กระหม่อมจึงสมควรจะต้องเอ่ยชื่นชม” 

 

 

“นั่นสิ เช่นนั้นข้าเองก็ต้องมอบรางวัลแก่มเหสีผู้มีจิตใจดีบ้างสินะ” 

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ?” 

 

 

“รางวัลแรกคือสกุลใหม่ ข้ายังลังเลว่ามันอาจจะเป็นการกำจัดเชื้อสายแท้จริงของเจ้า ถึงจะเป็นเพียงการใส่ความ แต่ข้าก็ไม่ชอบใจหากต่อไปนามของเจ้าจะถูกบันทึกว่าเป็นบุตรชายของตระกูลที่เข้าร่วมการก่อกบฏ ดังนั้นข้าจึงพยายามทำเรื่องนี้ตามความต้องการของตน หากเจ้าไม่ชอบ จะไม่รับก็ย่อมได้” 

 

 

ว่าจบก็ยื่นส่งม้วนกระดาษที่ถือมาด้วย โซกังรับมาด้วยสีหน้างุนงง เมื่อแสดงความเคารพแล้วก็เปิดดูอย่างระมัดระวัง ลายเส้นพู่กันของอีกฝ่ายมีพลังและสบายตา ตวัดสร้างตัวอักษรบนกระดาษทองคำ 

 

 

แท้จริงแล้วยังขาดสิ่งใดกันอีก กระทั่งลายพระหัตถ์ก็ยังงดงาม 

 

 

ร่างบางจ้องมองสิ่งนั้นอยู่ครู่หนึ่งและตกอยู่ในห้วงความคิด ยามนี้ตนคงเหลืออยู่เพียงร่างกายเท่านั้น ยังรั้งอยู่ในตำแหน่งของสตรีทั้งๆ ที่ไม่สามารถให้กำเนิดทายาทอีก ทว่าต่อไปทั้งสกุล ทั้งเชื้อสายก็ถูกตัดขาดแล้ว 

 

 

ชื่อสกุลใหม่ จบสิ้นเชื้อสายของตระกูลตน แต่ไม่ว่าจะใช้สกุลใดก็ไม่แตกต่างกัน เช่นนั้นก็ย่อมสมควรรับสกุลที่อีกฝ่ายมอบให้ด้วยความขอบคุณ แม้ว่าจะรู้สึกแปลกๆ คล้ายตัวตนสูญสิ้นก็ตาม โซกังคุกเข่าลงกับพื้นแล้วค้อมคำนับ 

 

 

“กระหม่อมน้อมรับพระกรุณาพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“ขอบใจที่ยอมรับมัน เอาล่ะ ต่อไปก็มาตรงนี้หน่อยสิ” 

 

 

น้ำเสียงของจาฮอนเหมือนกำลังตื่นเต้นอย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งยังลากดึงแขนของเขาไปทางแท่นบรรทม 

 

 

จาฮอนจับคนรักให้นั่งลงบนแท่นบรรทม เหลือบมองโต๊ะเพิ่งถูกเก็บไว้ด้านหนึ่ง ก่อนจะกางแผ่นหนังที่ม้วนเอาไว้ออกบนนั้น ภายในมีพู่กันอยู่หลายด้าม โซกังถึงกับตาเบิกโตและเมื่อจ้องมองจาฮอน ร่างสูงก็ยกยิ้มพร้อมกับเอ่ยขึ้น 

 

 

“ไม่นานมานี้ข้าได้ยินว่าเจ้าเพลิดเพลินกับเขียนพู่กันทั้งวัน จึงสั่งให้ช่างนำพู่กันที่ทำขึ้นเป็นพิเศษเข้ามาในวังหลวง ถูกใจหรือไม่” 

 

 

โซกังจ้องมองจาฮอนด้วยใบหน้าซาบซึ้งเสียยิ่งกว่ายามได้รับสกุลใหม่เมื่อครู่นี้ ปลายพู่กันจัดพุ่มอย่างเรียบร้อยจนไร้ที่ติ ตรงด้ามพู่กันสลักตัวอักษรสามตัวว่า ‘ยูโซกัง’ อย่างประณีตส่งผลให้หัวใจเต้นแรงไม่หยุด 

 

 

ยามอยู่ลำพังสองคนมักจะเรียกขานด้วยนามเดิม ทว่าในที่สาธารณะแล้วตนคือจักรพรรดินีนามว่า ‘โซฮวา’ ยามนี้ถึงกับได้รับชื่อสกุลใหม่ ดังนั้นก็ไม่ต่างจากการสูญสิ้นตัวตนเดิม ทว่าจาฮอานก็แสดงให้รู้ว่าไม่ได้หลงลืมตัวตนนั้นแต่อย่างใดด้วยการกระทำนี้ ด้วยการสั่งให้สลักด้ามพู่กันด้วยตัวอักษรสามตัวอันเป็นนามแท้จริงของเขา 

 

 

โซกังใช้นิ้วมือลูบสัมผัสแผ่วเบาตรงตัวอักษรชื่อสามตัวนั้น ก่อนจะประทับจูบอ่อนโยนลงบนริมฝีปากของจาฮอน ดวงตาคู่คมเบิกกว้างกว่าปกติเมื่อถูกจู่โจมกะทันหัน 

 

 

“ถูกใจอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

พูดพร้อมยกยิ้มสดใส หลังจากเอ่ยกับอีกฝ่ายแล้วจึงนำพู่กันออกมาด้ามหนึ่ง ทว่ายามนั้นจาฮอนกลับคว้ามือเรียว พอได้รับสายตาของความสงสัยก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์เฉกเช่นเด็กซุกซน 

 

 

“หากเอาไปใช้กับน้ำหมึกเฉยๆ จะไม่น่าเสียดายหรอกหรือ เอามาเล่นอะไรน่าสนุกก่อนดีกว่าหรือไม่” 

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ? ทรงพูดถึงการละเล่นอันใดกัน” 

 

 

“เดิมทีแล้วเพียงลองสัมผัสขนพู่กัน นักคัดลายมือก็รู้ว่ามันทำขึ้นจากขนของสัตว์ชนิดใดมิใช่หรือ เจ้าลองทายดูสักครั้งเป็นอย่างไร” 

 

 

“กระหม่อมไม่ใช่นักคัดลายมือเสียหน่อย ไม่สามารถทายได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“หากทายถูกทั้งหมด ข้าจะรับฟังสิ่งที่เจ้าปรารถนา” 

 

 

“แล้วหากทายไม่ถูก ก็จะไม่รับฟังหรือพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“ยังมีสิ่งที่ใดที่ข้าไม่รับฟังอีกหรือ เช่น การอยู่ด้านบนที่เจ้าอยากทำเมื่อไม่กี่วันก่อน หรือการหันหลังที่เมื่อก่อนเคยสงสัยนั่นอย่างไร” 

 

 

โซกังหน้าแดงก่ำพลางหลบเลี่ยงสายตา  

 

 

เมื่อไม่กี่วันก่อน เนื่องจากอีกฝ่ายแสดงความต้องการในตัวเขาอย่างเกินพอดีจนปวดเอวไปหมด จึงตัดสินใจเอ่ยอ้อนวอนว่าขออยู่ด้านบนเอง แน่นอนว่าการขอขึ้นควบอยู่ด้านบนล้วนเป็นความสงสัยที่บริสุทธิ์ใจอย่างยิ่ง โซกังรู้สึกติดใจเล็กน้อยจนถึงกับร้องขอ และถึงไม่ทำเช่นนั้น ด้วยร่างกายไม่แข็งแรงแต่เดิม กระทั่งบั้นเอวก็ยังอ่อนแรงจากการร่วมรักกันโดยอยู่ด้านล่างหลายครั้ง ทว่าวันต่อมาจับยึดสะโพกแน่นและต้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด 

 

 

“ตกลงพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระดาษ….!” 

 

 

ตั้งใจจะหยิบกระดาษที่วางอย่างเรียบร้อยตรงด้านหนึ่งของโต๊ะ แต่กลับถูกจาฮอนผลักจนทรุดเอนตัวลงบนแท่นบรรทม ร่างสูงยิ้มออกมาพร้อมดึงรั้งตัวคนรักลงมาจนผ้าพันรอบช่วงเอวคลายออก ทันใดนั้นอาภรณ์ที่ผูกไว้อย่างดีจึงคลายออกเช่นกันเผยให้เห็นแผ่นอกเปลือยเปล่า 

(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย

(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย

ยูโซกัง บุตรชายเพียงคนเดียวของอดีตขุนนางกรมราชเลขา ชีวิตต้องพลิกผันจากทายาทขุนนางชั้นสูงกลายเป็นเพียงทาสผู้ต่ำต้อย หลังผู้เป็นบิดาได้รับการตัดสินโทษประหารด้วยข้อหากบฏ จำต้องอดทนอดกลั้นถูกเหล่าทาสข่มเหงรังแกทุกวี่ทุกวัน ทว่าวันหนึ่ง ขณะกำลังชำระล้างร่างกาย เขาบังเอิญช่วยชีวิตคนผู้นึงไว้ได้ โดยหารู้ไม่ว่าคนผู้นั้นคือองค์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรฮยอนวอน ยังจาฮอน ด้วยสาเหตุนั้นเอง ทำให้โซกังได้มีโอกาสเข้าวังหลวง จาฮอนตกหลุมรักโซกัง และพยายามรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ข้างกาย ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาคือบุตรชายของอดีตนักโทษประหารข้อหาร้ายแรงต่อแผ่นดิน ความรักต่างชนชั้นของทั้งคู่จะข้ามผ่านอุปสรรคและคำครหาทั้งหลายไปได้หรือไม่นะ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset