(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย – ตอนที่ 11-2 พู่กันขนเตียว

ตอนที่ 11-2 พู่กันขนเตียว

 

“จะทรงทำสิ่งใดกัน” 

 

 

“ข้ามอบมันเป็นของขวัญ หากจะทำให้มันเปื้อนหมึกเสียก่อนก็คงไม่ได้ ข้าจึงจะใช้เจ้าเป็นกระดาษเขียนอักษรแทน เจ้าก็จงทายให้ถูกว่าเป็นพู่กันชนิดใด” 

 

 

ขณะเอ่ยอธิบาย แขนทั้งสองข้างของโซกังก็ถูกรวบยกขึ้นด้านบน จาฮอนมัดแขนสองข้างนั้นด้วยสายรัดเอว ร่างบางได้แต่มองอีกฝ่ายแหวกอาภรณ์ของตนเองออก ก่อนจะหยิบพู่กันด้ามหนึ่งขึ้นมา 

 

 

“ลองทายดูดีๆ ล่ะ” 

 

 

จบคำพูดของจาฮอน พู่กันก็สัมผัสลงมาบนแผ่นอกทันใด ไม่ใช่การทายตัวอักษร แต่เป็นการทายชนิดพู่กัน ดังนั้นโซกังจึงข่มความงุนงงและพยายามสัมผัสความรู้สึกของพู่กันยามถ่ายทอดลงมาบนแผ่นอก ทว่าดวงตากลับคอยขยับติดตามร่องรอย กระทั่งการเคลื่อนไหวของพู่กันพลันชะงักลง 

 

 

“รู้แล้วหรือยังว่าเป็นแบบใด” 

 

 

“ทรงเขียนอักษร ‘ยอ’ พ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“มิใช่ให้ทายตัวอักษรเสียหน่อย” 

 

 

เมื่อเผลอตัวทายตัวอักษรออกไป เจ้าตัวจึงกะพริบตาพร้อมวาดยิ้มขวยเขิน จาฮอนกดพู่กันลงบนแผ่นอกบางและเริ่มเขียนตัวอักษรใหม่ คราวนี้โซกังพยายามจดจ่อว่าความรู้สึกเป็นอย่างไร ทว่าเมื่อจดจ่อกลับไม่ได้สัมผัสถึงคุณภาพขนพู่กัน แต่รู้สึกจั๊กจี้เสียมากกว่า 

 

 

“อื้อ” 

 

 

ทันทีที่ปลายพู่กันสัมผัสยอดถัน โซกังก็หลุดร้องคราง ด้วยขนที่ทั้งอ่อนนุ่ม ทั้งมีพลังลากผ่านจึงกลายเป็นเช่นนั้น เนื่องจากเผลอส่งเสียงน่าอายออกมาโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้เขาจึงกัดปากแน่น ใบหน้าแดงซ่านไปหมด 

 

 

ร่างสูงยกยิ้มพรายและสะกิดเน้นยอดอกด้วยพู่กันด้ามนั้น 

 

 

“มิใช่ให้ทายว่าเป็นสัมผัสของพู่กันชนิดใดหรอกหรือ” 

 

 

“อื้อ พู่กันที่ทรงถืออยู่ตอนนี้ เป็นพู่กันขนหางพังพอนพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

หลังจากสัมผัสรอบยอดถันและลากผ่านผิวเนื้อจนรับรู้ความโค้งงอของขน เขาเลยเอ่ยคำตอบที่คิดได้จากขนาดของความยืดหยุ่น แม้จะอับอายที่หลุดเสียงคราง แต่ก็ไม่ได้ยอมแพ้ต่อการพนันในคราแรก 

 

 

“ถูกต้อง เก่งกาจนัก” 

 

 

จาฮอนวางพู่กันในมือลงบนโต๊ะ จากนั้นก็หยิบพู่กันด้ามใหม่ขึ้นมา 

 

 

ก่อนจะเริ่มเขียนอักษรบนแผ่นอกโซกังอีกรอบ ครานี้ขนพู่กันอ่อนนุ่มกว่าขนหางพังพอนเมื่อครู่ มันขยับเคลื่อนให้รู้สึกจั๊กจี้บนผิว ปลายพู่กันมัดรวบอย่างเรียบร้อย ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจของอีกฝ่ายหรือไม่ แต่มันสัมผัสลากผ่านยอดอกจนโซกังเผลอแอ่นหลังขึ้นและครวญคราง 

 

 

“อื้อ” 

 

 

“ไม่ได้การแล้วสินะ” 

 

 

“อา…พ่ะย่ะค่ะ?” 

 

 

“ข้าสั่งให้ทายว่าเป็นพู่กันชนิดใด เจ้ากลับเอาแต่ตอบรับสัมผัสที่มิใช่จากมือข้าโดยอยู่มิใช่หรือ” 

 

 

ยิ่งเห็นจาฮอนกล่าวด้วยสีหน้าหยอกเย้า ใบหน้าหวานก็ยิ่งขึ้นสีแดงจัด แม้จะพยายามอดทน แต่ก็ไม่อาจจัดการกับเสียงครางที่หลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ อีกทั้งยังรู้สึกไวต่อสัมผัสเสียยิ่งกว่าตอนได้พบอีกฝ่ายครั้งแรก ร่วมหอกันมาเสียจนไม่อาจนับได้ว่าล่วงเลยมากี่ปีแล้ว หากไม่รู้สึกไวมากขึ้นก็คงเป็นสตรีตายด้าน ไม่ใช่สิ คงจะเป็นบุรุษตายด้านเสียแล้ว และตัวต้นเหตุก็คืออีกฝ่าย 

 

 

“ทั้งหมดมิใช่เพราะท่านจาฮอนหรอกหรือ เอาแต่หยอกล้อตรงนั้นอยู่ทุกวัน ไม่คิดเบื่อหน่าย ยังจะมีหนทางใดไม่อ่อนไหวได้หรืออย่างไร” 

 

 

คำบ่นน่าเอ็นดูทำให้จาฮอนหลุดหัวเราะ ก่อนจะก้มลงไล้เลียยอดอกตั้งชันด้วยลิ้น แผ่นหลังของโซกังพลันยกแอ่นขึ้นรับสัมผัสทันที ร่างกายสั่นสะท้าน 

 

 

“อ๊ะ ฮื้อ” 

 

 

“เจ้าส่งเสียงน่าเอ็นดูเช่นนี้ ข้าจะเบื่อหน่ายได้หรือ” 

 

 

“ไม่รู้ด้วยแล้ว” 

 

 

“หากเป็นเช่นนี้ข้าคงจะชนะพนันเป็นแน่” 

 

 

“กระหม่อมจะชนะให้ได้ หากชนะจะได้พักสะโพกบ้าง” 

 

 

“อย่างนั้นหรือ จะลองทำให้อ่อนไหวที่ใดอีกดีนะ หรือข้าจะช่วยให้เจ้าชนะพนันดี” 

 

 

หากเป็นเช่นนั้น แค่กล่าวว่ายอมแพ้เสียก็สิ้นเรื่อง แต่โซกังก็ทราบดีว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำเช่นนั้นแน่นอน เพราะชื่นชอบกายหยอกเย้าขณะสัมผัสส่วนนั้นส่วนนี้ของตนไปเรื่อย 

 

 

โซกังลังเลใจกับคำถามอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า เมื่อเห็นเช่นนั้นริมฝีปากของจาฮอนก็ประดับด้วยรอยยิ้มลึกล้ำ 

 

 

ความคิดที่ว่าคงไม่ใช่การตัดสินใจผิดพลาดพาดผ่านสำนึกรู้ ทว่ามันก็สายไปเสียแล้ว เพราะอีกฝ่ายฉีกชายอาภรณ์ออกโดยไม่รั้งรอ แล้วนำมาทาบปิดดวงตาคู่สวย โซกังจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงุนงง 

 

 

“จะทรงทำอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“เหตุผลที่คนตาบอดมีประสาทสัมผัสดีเยี่ยมก็เพราะมองไม่เห็นเบื้องหน้า ดังนั้นหากปิดตาไว้ ก็จะทำให้ประสาทสัมผัสของเจ้ารับรู้ได้ดียิ่งขึ้นมิใช่หรือ เอาล่ะ ข้าจะลองเขียนอีกครา” 

 

 

จากนั้นเสียงกุกกักคล้ายกำลังทำบางสิ่งก็ดังขึ้น ตามด้วยสัมผัสชุ่มชื้นแตะลงบนผิวเนื้อ 

 

 

กายของโซกังสะท้านไหวและสั่นเทา สัมผัสของพู่กันแห้งกับพู่กันเปียกชื้นแตกต่างกันอย่างยิ่ง รู้สึกราวกับถูกไล้เลียด้วยลิ้น ทว่ามันเป็นความรู้สึกที่อ่อนนุ่มยิ่งกว่านั้น อีกทั้งดวงตายังถูกปิดจึงไม่รู้เมื่อใดพู่กันนั้นจะสัมผัสลงมา ร่างกายก็ยิ่งตื่นเต้นจนรู้สึกถึงสัมผัสแจ่มชัดยิ่งขึ้น 

 

 

พู่กันค่อยๆ ขยับวาดเส้น เคลื่อนไหวราวกับจะปัดป่ายไปทุกพื้นที่ วาดเป็นเส้นขวางเส้นขวาง พู่กันอ่อนนุ่มยิ่งขึ้นเมื่อชุ่มน้ำสร้างความจั๊กจี้บริเวณซี่โครง 

 

 

“อ๊ะ!” 

 

 

เสียงอุทานหลุดออกมาโดยไม่รู้ตัวทำให้โซกังขบริมฝีปาก ไม่รู้ว่าเป็นรูปวาดหรือตัวอักษรที่เขียนลงบนผิวกาย ทว่าความจั๊กจี้ของสัมผัสจากขนพู่กันก็คอยกระตุ้นอยู่เรื่อยๆ 

 

 

หลังจากนั้นพู่กันก็ผละห่างจากกาย โซกังพรูลมหายใจออกมาช้าๆ ด้วยความโล่งอก ทว่าพู่กันชุ่มชื้นก็สัมผัสตรงปลายลิ้นปี่อีกครา ความเย็นชื้นทำให้เรียวคิ้วขมวดมุ่นและหลุดเสียงอุทานออกมาอีกหน 

 

 

“อย่ามัวแต่จมกับสัมผัสแล้วก็ทายมาเสียที ข้ากำลังช่วยให้ชนะอยู่นะ เอาแต่ปล่อยสติล่องลอยไปที่อื่นเช่นนั้นได้อย่างไรกัน” 

 

 

“ทรงช่วยอยู่จริงๆ อึก หรือพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“ก็แน่สิ หากเดาสัมผัสไม่ออก ก็ลองจดจ่อกับตัวอักษรที่ข้าเขียนดูสิ ไม่รู้หรือว่าข้าไม่ค่อยชอบถูกควบคุม ถึงยอมช่วยเจ้าเช่นนี้ ก็ต้องทายให้ถูกสิ” 

 

 

เป็นเช่นนั้นเสมอ หากอยู่ในตำแหน่งผู้ควบคุม ไม่ว่าอย่างไรอำนาจการเป็นผู้นำในการเคลื่อนไหวย่อมเป็นของตน ทั้งการขย่มสะโพกขึ้นลง แต่หากอยู่ด้านล่างก็ไม่อาจย้ำไปมาอย่างรวดเร็วตามแต่ใจได้ ดังนั้นอีกฝ่ายจึงไม่ชอบถูกควบคุม 

 

 

จาฮอนไม่ใช่คนพูดไร้สาระ โซกังเลยกัดฟันแน่นและจดจ่อกับตัวอักษรที่เขียนขึ้น ปลายพู่กันลากเส้นแนวขวางเหนือสะดือเล็กน้อย แล้วลากเส้นแนวตั้งผ่านสะดือไปจนถึงใต้สะดือ 

 

 

“อื้อ” 

 

 

รู้สึกจั๊กจี้ตรงสะดือไม่น้อย เสียงครางจึงหลุดออกจากปากอีกครา แต่ก็รู้แล้วว่าจาฮอนเขียนอักษรตัวใด เป็นอักษรคำว่า ‘กวาง’ ไม่ผิดแน่ ร่างบางหอบหายใจแล้วเอ่ยตอบ 

 

 

“เป็นพู่กันขนกวาง[1]พ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“ถูกต้อง เก่งมาก รู้จากตัวอักษรหรือรู้จากสัมผัสของขนพู่กัน” 

 

 

“เดาจากตัวอักษรพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“เช่นนั้นเองสินะ ตอนนี้เหลืออีกสองด้าม รอเดี๋ยวล่ะ” 

 

 

“ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

จบคำตอบของโซกัง เสียงเสียดสีของอาภรณ์ก็ดังขึ้นทันใด ตามด้วยเสียงฝีเท้าที่ได้ยินเลือนราง ทั้งรู้สึกถึงเสียงสะบัดพลิ้วและสายลม 

 

 

จาฮอนลุกขึ้นปลดเปลื้องอาภรณ์อันเป็นเพียงสิ่งรุ่มร่ามออก ก่อนจะรวบผ้าเช็ดตัวที่มักจะแขวนอยู่ด้านหนึ่งเสมอติดมือมา ถือมันกลับมาแล้วเช็ดถูอย่างนุ่มนวลบนร่างกายบอบบาง เพราะก่อนหน้านี้จุ่มพู่กันกับน้ำสำหรับเติมถ้วยฝนหมึก ตัวของโซกังจึงเปียกชื้นเล็กน้อย 

 

 

จากนั้นร่างสูงก็โยนผ้าเช็ดตัวไปยังด้านหนึ่งของแท่นบรรทมแล้วเอ่ยอย่างแผ่วเบา 

 

 

“กางกระดาษใหม่แล้ว ดังนั้นข้าจะเริ่มเขียนอีกครา” 

 

 

ถ้อยคำเช่นนั้นทำเอาโซกังหลุดเสียงหัวเราะแผ่วเบา รู้สึกเหมือนร่างกายของตนเป็นกระดาษเปียกชื้นด้วยน้ำหมึกจากตัวอักษรที่เขียนลงมา ทว่าเสียงหัวเราะนั้นก็เกิดขึ้นเพียงครู่เดียว 

 

 

เพราะจาฮอนขยับปลายพู่กันจนเกือบสัมผัสผิวเนื้อ จนเผยความประหม่าให้เห็นในสายตา อีกฝ่ายหยุดนิ่งเช่นเดิมครู่หนึ่ง ก่อนจะลากพู่กันลงด้านล่างอย่างแผ่วเบา ทว่าไม่ใช่แผ่นอกหรือหน้าท้องดั่งเช่นก่อนหน้าแล้ว ขนพู่กันสัมผัสเหนือแผ่นอกฝั่งหนึ่งแล้วลากไล้ผ่านยอดอกลงไปด้านล่างจนถึงส่วนซี่โครง 

 

 

“อ๊ะ! อื้อ” 

 

 

“รู้หรือไม่ว่าเป็นพู่กันชนิดใด” 

 

 

มองร่างกายบอบบางสั่นสะท้านขณะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือหยอกล้อ ตั้งแต่เมื่อครู่แล้วที่โซกังหลุดเสียงครางออกมาอยู่เรื่อยๆ เขาจึงอยากใช้พู่กันหยอกเย้าด้วยให้มากขึ้นอีกนิด และหากการเย้าแหย่นั้นจะนำพาไปสู่การร่วมรัก ก็นับว่าดียิ่งขึ้นไปอีก 

 

 

ตั้งใจเพียงแค่จะใช้พู่กันเขียนอักษรบนแผ่นอก ยิ่งได้เห็นพู่กันเคลื่อนไปมาบนผิวเนื้อขาวกระจ่างก็ยิ่งดี แต่ทันทีที่เห็นโซกังตอบรับอย่างอ่อนไหว ส่วนล่างก็พลันแข็งขืนต่างกับความตั้งใจในคราแรกโดยสิ้นเชิง 

 

 

 

 

 

[1] พู่กันขนกวาง พู่กันที่ทำจากขนแผงอกด้านหน้าของกวาง

(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย

(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย

ยูโซกัง บุตรชายเพียงคนเดียวของอดีตขุนนางกรมราชเลขา ชีวิตต้องพลิกผันจากทายาทขุนนางชั้นสูงกลายเป็นเพียงทาสผู้ต่ำต้อย หลังผู้เป็นบิดาได้รับการตัดสินโทษประหารด้วยข้อหากบฏ จำต้องอดทนอดกลั้นถูกเหล่าทาสข่มเหงรังแกทุกวี่ทุกวัน ทว่าวันหนึ่ง ขณะกำลังชำระล้างร่างกาย เขาบังเอิญช่วยชีวิตคนผู้นึงไว้ได้ โดยหารู้ไม่ว่าคนผู้นั้นคือองค์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรฮยอนวอน ยังจาฮอน ด้วยสาเหตุนั้นเอง ทำให้โซกังได้มีโอกาสเข้าวังหลวง จาฮอนตกหลุมรักโซกัง และพยายามรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ข้างกาย ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาคือบุตรชายของอดีตนักโทษประหารข้อหาร้ายแรงต่อแผ่นดิน ความรักต่างชนชั้นของทั้งคู่จะข้ามผ่านอุปสรรคและคำครหาทั้งหลายไปได้หรือไม่นะ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset