(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย – ตอนที่ 1-1 ทาสหลวง 

ตอนที่ 1-1 ทาสหลวง

 

ตอนที่ 1 ทาสหลวง 

 

 

 

 

 

แสงอาทิตย์สาดส่องกระทบปิ่นปักผมของสตรีผู้หนึ่งจนเกิดเป็นประกายระยิบระยับ ปิ่นปักผมรูปทรงใบหลิวบรรจงประดิษฐ์ขึ้นอย่างประณีต มันคือของขวัญที่ตัวเขาเพิ่งมอบให้เมื่อครู่ แม้สาวน้อยตรงหน้าจะทำสีหน้าเอียงอาย หากสายตากลับช้อนมองอย่างลึกซึ้ง 

 

 

‘ท่านพี่ เหมาะกับข้าหรือไม่เจ้าคะ’ 

 

 

‘อื้ม’ 

 

 

นางจ้องมองเขาอีกครั้ง ก่อนจะเบนสายตาไปยังหมู่มวลดอกไม้บานสะพรั่งในทันใด คงจะเป็นการดีหากจะกล่าวชมว่างดงามเสียจนปิ่นปักผมนั้นดูหมอง ในใจพลันอึดอัดหลังเห็นว่านางพยายามแอบซ่อนความผิดหวังเอาไว้ 

 

 

‘โซยง’ 

 

 

‘เจ้าคะ ท่านพี่’ 

 

 

‘ความงามของเจ้าทำให้ปิ่นดูหมองลงนัก’ 

 

 

ด้วยถ้อยคำที่พยายามกล่าว ส่งผลให้สีหน้าของโซยงสดใสขึ้น อาภรณ์ผ้าแพรพลิ้วไหวทุกครั้งยามร่างอรชรอ้อนแอ้นขยับเคลื่อนตัวราวกับผีเสื้อกระพือปีก 

 

 

หนึ่งปีหลังจากนี้ พวกเราจะแต่งงานกันและผูกติดคู่เคียงกันไปชั่วชีวิต ได้แต่คิดว่าคงจะดี หากโซยงเองก็เฝ้าคอยให้ถึงวันนั้นเช่นเดียวกัน ขณะขยับย่างก้าวย่างตามหลังนางไปอย่างเนิบนาบ  

 

 

ทว่าอยู่ๆ โซยงก็โบกไม้โบกมือไปทางบุรุษเบื้องหน้า เป็นมูฮยอน พี่ชายของโซยงนั่นเอง และถือเป็นสหายของเขาด้วย มูฮยอนกล่าวตำหนิกิริยาท่าทางของสตรีที่กำลังจะกลายเป็นเจ้าสาวในเร็ววันอย่างโซยงก่อน จากนั้นถึงเดินเข้ามาหาเขา 

 

 

‘…’ 

 

 

แม้จะมองเห็นริมฝีปากของอีกฝ่ายขยับไหว แต่กลับไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลย มีเพียงแค่เสียงเอะอะจากรอบกายเท่านั้น 

 

 

‘ข้าไม่ได้ยิน เจ้าช่วยพูดอีกครั้งได้หรือไม่’ 

 

 

‘…’ 

 

 

ยังคงมีเพียงปากที่ขยับอย่างไร้เสียง แม้จะเอ่ยร้องขอให้มูฮยอนกล่าววาจาออกมาอีกครั้ง สุดท้ายก็ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาอยู่ดี แต่จู่ๆ กลับมีประโยคหนึ่งดังขึ้น 

 

 

‘เมื่อไม่สามารถเปล่งเสียง ก็ย่อมไม่ได้ยินถูกแล้วมิใช่หรือ’ 

 

 

นั่นเป็นเสียงของมูฮยอนก็จริง ทว่าคราวนี้ปากอีกฝ่ายกลับไม่ได้ขยับ และทันใดนั้นศีรษะของมูฮยอนก็ร่วงตกลงสู่พื้นดิน 

 

 

‘ท่านพี่…’ 

 

 

สุ้มเสียงอันน่าเวทนาของโซยงแว่วมาให้ได้ยิน จากนั้นนางก็เริ่มขยับกายวิ่ง ร่างของสหายตรงหน้าล้มลงกับพื้นดินที่ย้อมเลือดจนแดงฉาน โซยงยืนห่างออกไปเพียงไม่ไกล เขาจึงรีบร้อนขยับกายตามดังรับรู้ว่ามันได้เกิดเรื่องอันใดขึ้น และไม่รู้ว่าจะช่วยชีวิตโซยงได้หรือไม่ 

 

 

ทว่าก่อนจะเข้าไปถึงตัวนาง ศีรษะของโซยงก็ร่วงลงสู่พื้นอีกเช่นกัน อาภรณ์ผ้าแพรงดงามล้วนถูกย้อมด้วยโลหิต ร่างอ้อนแอ้นทรุดลงดังปราสาททรายพังครืน ใบหน้างดงามเปรอะเปื้อนหยาดน้ำตา ดวงตาขยายเบิกกว้าง เขาคว้าศีรษะที่ร่วงตกลงพื้นของนางมากอดไว้พร้อมกับส่งเสียงตะโกน 

 

 

โซยง โซยง ทำไมถึงกลายเป็นเช่นนี้! 

 

 

จากนั้นเสียงกรีดร้องเริ่มดังออกมาจากทั่วสารทิศ พื้นดินราบเรียบเริ่มเฉอะแฉะ ก่อเกิดเป็นแอ่งโลหิตทั่วทุกหนแห่ง ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ทั่วพื้นที่ต่างย้อมด้วยเลือด กระทั่งหยาดฝนยังโปรยปรายเป็นสีแดง ทุกครั้งที่สูดหายใจเข้าเป็นต้องสำรอกออกมา 

 

 

 

 

 

“อ๊าก! อ๊ากกก!!” 

 

 

จากฤดูร้อนหนึ่งที่ทั่วร่างกายถูกย้อมด้วยหยาดฝนโลหิตส่งกลิ่นคาวคลุ้ง บรรยากาศก็พลันเปลี่ยนเป็นมืดมิด ทว่ากลิ่นคาวยังเลือดคละคลุ้งอยู่ รวมถึงกลิ่นดิน และปัญหาก็คือบุรุษผู้ไม่รับรู้ถึงสถานการณ์ของตนเอง เขานอนหมอบอยู่บนเสื่อฟางข้างประตูตรงมุมสุดของเรือนและเริ่มดีดดิ้นไปมาพร้อมส่งเสียงกรีดร้อง นั่นล่ะ สิ่งที่เป็นปัญหา 

 

 

เตาอุ่นเพียงหนึ่งเดียวซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางส่องแสงสว่างเลือนราง ผู้คนมากมายนอนหลับอยู่บริเวณด้านหน้า อย่างไรก็ตาม คราแรกพวกเขาตั้งใจเพิกเฉยต่อเสียงนั้น ทว่าต่อให้เวลาจะล่วงเลยไปเพียงไร เสียงกรีดร้องของชายผู้นั้นก็ไม่ยอมสงบลงเสียที ท้ายที่สุดจึงมีน้ำเสียงหงุดหงิดดังโพล่งขึ้นมา 

 

 

“แม่ง ไอ้บ้านั่นมันเอาอีกแล้ว!” 

 

 

“ปิดปากไอ้เวรนั่นที!” 

 

 

หลังจบคำด่าทอเจือความรำคาญ เสียงหัวเราะร่าและคำกล่าวให้หาอะไรอุดปาก ก็มีน้ำเสียงของชายชราดังขึ้นอย่างแข็งกร้าว 

 

 

“แทจู เอาตัวมันออกไปที” 

 

 

“ขอรับ” 

 

 

ผู้ตอบรับด้วยเสียงดังฟังชัดอยู่ใกล้กับชายที่กำลังกรีดร้องมากที่สุด เจ้าของรูปร่างใหญ่โตลุกขึ้นยืนก่อนจะจัดการแบกร่างชายผู้นั้นพาดบ่าตนพาออกไปด้านนอก ภายนอกมืดมิดและมีแสงจากคบเพลิงที่ปักอยู่บนเสาต้นใหญ่ย้อมพื้นที่โดยรอบจนแดงฉาน ชายนามว่าแทจูโยนร่างบนบ่าไปที่คอกไม้ขนาดเล็กใกล้ๆ คบเพลิง กระทั่งในเวลานี้ อีกฝ่ายก็ยังคงไม่หยุดกรีดร้อง 

 

 

“อ๊า! อ๊ากก! เฮือกก!” 

 

 

ไม่ใช่นํ้าเสียงทุ้มต่ำเฉกเช่นชายฉกรรจ์ หากแต่เป็นเสียงกรีดร้องแหลมสูงจนแก้วหูแทบฉีกขาด แทจูถอนหายใจออกมา จากนั้นก็เอาเศษผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นยัดใส่ปากคนตรงหน้า ใช้เศษผ้าชิ้นยาวพันรอบผูกเป็นปมไว้ที่ท้ายทอย เคลื่อนไหวด้วยความคล่องแคล่วราวกับเคยทำเช่นนี้บ่อยครั้ง ทว่ามันกลับเป็นความรำคาญใจที่ฝังลึกพอๆ กับความชำนาญนั้น 

 

 

“ไอ้บ้าเอ๊ย นอนเงียบๆ ไปเถอะ” 

 

 

แทจูบ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงติดง่วงงุนเพราะถูกปลุกจากการพักผ่อน แน่นอนว่าคนส่งเสียงอู้อี้ ทั้งๆ ที่โดนเศษผ้าอุดปากไม่ได้รับฟังคำพูดนั้นเลย หลังจากอ้าปากหาว แทจูก็จัดการใส่โซ่ตรวนตรงข้อเท้าของอีกฝ่าย ก่อนจะคล้องโซ่ตรวนเข้ากับห่วงซี่กรงยึดติดด้วยแม่กุญแจแล้วเดินกลับเข้าไปด้านใน 

 

 

คบเพลิงที่ขยับไหวทำให้เกิดเงาทมึนบนร่างกายของผู้ถูกทิ้งเพียงลำพัง เจ้าตัวส่งเสียงร้องคล้ายเจ็บปวดพร้อมพลิกตัวกระสับกระส่าย และไม่นานก็แน่นิ่งไป แน่นิ่งราวกับสิ้นลมอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งท้องฟ้าสีดำสนิทเริ่มมีสีสันจางๆ ก็ยังคงไม่ขยับเขยื้อน 

 

 

เมื่อแสงสลัวสลายจางหาย เสียงระฆัง เก๊ง เก๊ง เก๊ง ก็เริ่มดังให้ได้ยิน และตามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวยิ่งกว่าดังขึ้นโดยไม่เคยละเว้นเลยสักวันเดียว 

 

 

เสียงระฆังแรกเป็นสัญญาณของเหล่าทาสชายหญิง เสียงระฆังที่สองเป็นของเหล่าคนงาน ส่วนเสียงระฆังที่สามปลุกบรรดาเจ้านายให้ตื่น และน้ำเสียงแข็งกร้าวเป็นเสียงบอกโมงยาม แน่นอนว่าเป็นเหล่าทาสชายหญิงไม่จำเป็นต้องใส่ใจ เสียงที่พวกเขาต้องใส่ใจคือเสียงระฆังแรกเท่านั้น พอระฆังดังขึ้นทาสทั้งหลายต่างเริ่มพากันลุกขึ้นด้วยสภาพกระเซอะกระเซิง 

 

 

ที่นี่คือเรือนนอนเหล่าทาสชายหญิงของทางการ และคอกไม้นั่นตั้งอยู่ข้างเรือน 

 

 

เรือนนอนสภาพทรุดโทรมสามารถกันได้เพียงแค่ลมเท่านั้น ทว่าทุกคนล้วนเข้าใจเป็นอย่างดี ไม่มีความจำเป็นต้องสร้างให้มันแข็งแรง เพราะอย่างไรก็เป็นเพียงที่พักของเหล่าทาส 

 

 

ซึ่งเป็นที่พักของชายหนุ่มที่ในเวลานี้นอนอยู่ในคอกไม้เช่นกัน 

 

 

เหล่าชายฉกรรจ์สีหน้าเหนื่อยล้าก้าวเดินออกมาเป็นแถว สวมรองเท้าฟางสานแทนเท้าเปล่า หากได้ยินเสียงระฆังเมื่อไรต้องไปที่ลานด้านหน้ากรมเพื่อทานข้าว พวกเขาจึงไม่รอช้ารีบขยับก้าวเดิน 

 

 

เหล่าผู้คนที่เดินออกมาพลางเกาช่วงขาหรือไม่ก็เกาศีรษะล้วนจ้องมองคอกไม้คนละครั้ง บางคนก็ถมน้ำลายไปทางนั้นด้วย 

 

 

“ต่อไปก็ปล่อยมันนอนข้างนอกเถิด ให้เข้าไปนอนข้างใน คนเดือดร้อนก็มีแต่พวกเรา” 

 

 

“แล้วหากมันแหกปากข้างนอกจะทำอย่างไร เช่นนั้นพวกเราก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วยเช่นกัน” 

 

 

“นั่นก็จริง ไม่ยอมตายเสียที แล้วยังถึกทนอีก มันช่าง จึ๊” 

 

 

พวกเขาต่างพากันกร่นด่าชายผู้นั้นขณะเดินออกห่างจากเรือนนอน และเสียงผู้คนก็ค่อยๆ ไกลห่างออกไปเรื่อยๆ เมื่อบริเวณนั้นไม่หลงเหลือใครสักคนเดียว บุรุษที่นอนคู้อยู่ในกรงจึงลืมตาขึ้นช้าๆ 

 

 

เจ้าตัวตื่นขึ้นมาก่อนเสียงระฆังจะดังด้วยความเคยชิน ทว่าหากคนพวกนั้นเห็นว่าตนตื่นแล้ว ก็คงจะถูกเฆี่ยนตีหรือไม่ก็ถูกทำร้ายด้วยวิธีอื่น จึงจำต้องแสร้งหลับตาอยู่เช่นนั้น แม้จะได้ยินคำพูดทั้งหมดนั่น แต่การทำเป็นไม่ได้ยินมันเป็นการดีที่สุดแล้ว 

 

 

พอมั่นใจว่าทาสคนอื่นไปกันหมดแล้ว เขาจึงค่อยๆ ขยับตัวลุกพลางเอื้อมมือไปแก้ปมผ้าตรงท้ายทอยปลดผ้าปิดปากลงมา รวมถึงนำเศษผ้าในปากออกมาด้วย ก่อนจะถมเศษดินติดปากให้ออกมาพร้อมน้ำลาย 

 

 

ชายหนุ่มนั่งอย่างสงบเสงี่ยม แล้วจัดการสางผมเผ้ายุ่งเหยิงไปทางด้านหลัง รวบเส้นผมเข้าด้วยกัน ใช้เศษผ้ายาวที่เคยปิดปากตนมัดรวบมันให้เรียบร้อย สง่างามราวกับเป็นบัณฑิต ไม่ใช่เพียงทาสต่ำต้อย จากนั้นจึงคว้ากุญแจที่ถูกโยนทิ้งไว้ตรงมุมหนึ่งคล้ายต้องการให้ใช้จัดการปลดปล่อยตัวเองออกมา เขาไขแม่กุญแจที่ติดยึดโซ่แล้วปลดมันออก คลานสี่ขาออกมาจากคอกไม้ 

 

 

หลังโซเซอย่างเหนื่อยอ่อนอยู่หลายครั้งและจัดการกับจิตใจกระเจิดกระเจิงให้กลับมาสงบก็กลับมายืนตัวตรง ดึงกางเกงที่ร่นลงเกือบจะถึงกระดูกเชิงกรานขึ้นมาผูกเอาไว้ให้แน่น แล้วเดินตามไปทางลานหน้ากรมเฉกเช่นทาสผู้อื่น 

(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย

(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย

ยูโซกัง บุตรชายเพียงคนเดียวของอดีตขุนนางกรมราชเลขา ชีวิตต้องพลิกผันจากทายาทขุนนางชั้นสูงกลายเป็นเพียงทาสผู้ต่ำต้อย หลังผู้เป็นบิดาได้รับการตัดสินโทษประหารด้วยข้อหากบฏ จำต้องอดทนอดกลั้นถูกเหล่าทาสข่มเหงรังแกทุกวี่ทุกวัน ทว่าวันหนึ่ง ขณะกำลังชำระล้างร่างกาย เขาบังเอิญช่วยชีวิตคนผู้นึงไว้ได้ โดยหารู้ไม่ว่าคนผู้นั้นคือองค์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรฮยอนวอน ยังจาฮอน ด้วยสาเหตุนั้นเอง ทำให้โซกังได้มีโอกาสเข้าวังหลวง จาฮอนตกหลุมรักโซกัง และพยายามรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ข้างกาย ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาคือบุตรชายของอดีตนักโทษประหารข้อหาร้ายแรงต่อแผ่นดิน ความรักต่างชนชั้นของทั้งคู่จะข้ามผ่านอุปสรรคและคำครหาทั้งหลายไปได้หรือไม่นะ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset