(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย – ตอนพิเศษ 1-3 ถึงกระนั้นก็ตาม

ตอนพิเศษ 1-3 ถึงกระนั้นก็ตาม

 

หลังจากเริ่มต้นสอบสวนเรื่องนี้ จาฮอนก็สั่งการให้ทำลายกลุ่มยาอึมและพยายามรวบรวมนักฆ่าเหล่านั้นมาทั้งมด นักฆ่าถือเป็นกลุ่มคนที่ไม่สามารถปล่อยเอาไว้ในอาณาจักรเฉยๆ ได้ อีกทั้งเมื่อได้รับฟังคำให้การทั้งหมดแล้ว ก็ทราบว่าการป้องกันยามค่ำคืนนับว่าไร้คุณภาพ เขาคาดเดาล่วงหน้าว่าด้วยสภาพและสถานะยากจนข้นแค้น พวกเขาล้วนไม่อาจกล่าวปฏิเสธจากปากได้ ทว่ากลับน่าขัน เพราะค้นพบหลักฐานทางการเงินมากมายจากเถ้าแก่ร้านผ้าไหม มีสมุดบัญชีบันทึกว่าร้านผ้าไหมได้รับทองมาเท่าใดและเมื่อใด 

 

 

ด้วยสาเหตุนี้ หากปล่อยนักฆ่าพวกนี้ไป ก็มีแนวโน้มที่พวกเขาจะกลับมารับภารกิจยามค่ำคืนเพื่อหาเลี้ยงปากท้องของตนเอง มิใช่ว่าความอดอยากเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวหรอกหรือ 

 

 

ดังนั้นก็เป็นหนทางสุดท้าย หากพวกเขาเหล่านั้นต้องการ จาฮอนก็ตั้งใจจะรับเข้ามาเป็นองครักษ์หน่วยฮวังรยง หรือไม่ก็ทหารหลวง แม้จะไม่สามารถเชื่อใจได้อย่างสมบูรณ์ แต่อย่างน้อยหากให้การดูแลดั่งเช่นเพื่อนมนุษย์ ก็รับรู้ได้ว่าคมดาบจะไม่หวนคืนมาสู่ตน นั่นเป็นลางสังหรณ์ที่เกือบแน่ชัด ตลอดมาพวกเขาล้วนได้รับการปฏิบัติราวกับเป็นเพียงเครื่องมือ มิใช่มนุษย์ เพราะฉะนั้นเพียงแค่ปฏิบัติต่อพวกเขาเฉกเช่นมนุษย์พึงกระทำต่อมนุษย์ ก็ล้วนยินยอมจำนนและวางดาบลง แต่หากไม่ต้องการเช่นนั้น เขาก็ตั้งใจจะช่วยให้มีชีวิตสงบสุขในหมู่บ้านหนึ่งตามต้องการ 

 

 

ทว่าทันยองกับชังฮโยไม่ได้นับรวมอยู่ในกรณีนี้ ทันยองสูญเสียนิ้วมือสองนิ้ว ชังฮโยสูญเสียแขนขวา ไม่ใช่เรื่องง่ายต่อการใช้ชีวิตทำไร่ทำสวนในชนบท และไม่อาจเป็นองครักษ์ของหน่วยฮวังรยงได้ จาฮอนจึงไถ่ถามถึงสิ่งที่ทั้งสองคนอาจจะคิดเผื่อล่วงหน้าแล้ว ทว่าก็ยังคงไม่มีคำตอบใดออกมา แต่ในขณะนั้น ชังฮโยก็เอ่ยปากขึ้นอย่างระมัดระวัง 

 

 

“หากฝ่าบาทจะทรงเมตตา โปรดส่งกระหม่อมออกนอกวังหลวงไปยังหมู่บ้านในป่าติดเขตชายแดนด้วยเถิด กระหม่อมคิดจะใช้ชีวิตด้วยการหาสมุนไพรเลี้ยงชีพพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“พี่! นั่นมันอะไรกัน!” 

 

 

ทันยองเผลอตัวหันกลับไปจ้องชังฮโยและย้อนถามเสียงดัง ปกติคนตัวเล็กแทบจะไม่เอ่ยพูดกับตน ยามต้องเอ่ยพูดคุยก็ตอบรับอย่างเย็นชา ทันทีที่ได้ยินเสียงงุนงงนั้น ชังฮโยจึงหัวเราะอย่างขมขื่นแล้วตอบกลับ 

 

 

“ทำไมล่ะ ต่อไปข้าจะทำอะไรได้ ยาอึมก็ล่มสลายไปแล้ว ด้วยแขนเพียงข้างเดียวจะให้ทำไร่ เลี้ยงสัตว์ก็ไม่อาจเป็นตามตั้งใจ อีกทั้งไม่มีแขนขวาแล้ว ย่อมจับดาบไม่ได้ เพียงแต่ข้ายังรู้จักสมุนไพรอยู่มาก ดังนั้นจึงตั้งใจจะเป็นคนหาสมุนไพรแทน มีอันใดให้ตกใจเช่นนั้น” 

 

 

“ถึงอย่างนั้น… มัน…” 

 

 

“เพราะรู้สภาพของตนเองดี เจ้าจึงคิดรอบคอบแล้วสินะ ดี หากตั้งใจจะทำเช่นนั้น ข้าก็จะให้ความช่วยเหลือ” 

 

 

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

ทันยองกรอกดวงตาสับสนไปทางนั้นที ทางนี้ที จนสุดท้ายก็ต้องค้อมศีรษะก้มงุด 

 

 

คิดจะซักไซ้ว่าเหตุใดถึงตัดสินใจเช่นนั้นโดยไม่ปรึกษาก่อน เหตุใดจึงคิดเช่นนั้นและเอ่ยกราบทูลเพียงลำพัง ทว่าขณะจะเอ่ยคำถามออกจากปาก ก็ถูกความคิดอื่นดึงรั้ง ระหว่างตนกับชังฮโย พวกเราควรปรึกษาหารือกันถึงอนาคตอย่างนั้นหรือ 

 

 

ความกังวลว่าควรจะปล่อยอีกฝ่ายหรือไม่ ความคิดว่าควรจะให้อภัยอีกฝ่ายหรือไม่แวบขึ้นมาทันที จนเขาไม่มีเหตุผลจะย้อนถาม แต่พอชังฮโยกล่าวเช่นนั้น ทันยองก็รู้สึกเหมือนมีก้อนหินหนักอึ้งกดทับหน้าอกซีกหนึ่ง ยังรู้สึกว่าต้องชดใช้ตอบแทนเพราะชายผู้นี้ต้องสูญเสียแขน จึงคิดหวั่นใจกับความเป็นหนี้บุญคุณขึ้นมาซ้ำอีก 

 

 

จาฮอนพยายามรอคอยอย่างมีความอดทน ทว่าสุดท้ายทันยองก็ไม่อาจให้คำตอบเกี่ยวกับหนทางในวันข้างหน้าได้ และด้วยราชกิจมากมาย ทำให้เขาต้องลุกขึ้นยืนและเอ่ยกับอีกฝ่าย 

 

 

“ระหว่างนี้ข้าจะจัดการเรื่องการหาที่อยู่ และช่วยพาออกจากวังหลวง ทว่าต่อไปในวังคงจะวุ่นวายอยู่ช่วงหนึ่ง ดังนั้น เจ้าออกไปก่อนหน้านั้นจะเป็นการดีกว่า” 

 

 

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“เอาเถอะ เมื่อเจ้าตัดสินใจได้แล้วว่าหลังจากนี้จะทำอย่างไร ก็ให้ขันทีไปแจ้งแก่ข้าแล้วกัน เพราะข้าคงไม่มีเวลาเข้ามาที่นี่อีก” 

 

 

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” 

 

 

ทันทีที่องค์จักรพรรดิเสด็จออกจากห้องนอน ทันยองก็เอาแต่นั่งนิ่งจ้องมองปลายเท้าตน สุดจะรู้ว่าเหตุใดตนถึงเป็นเช่นนั้น ชังฮโยปล่อยให้ความเงียบโรยตัวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างระมัดระวัง 

 

 

“ยอง เจ้าไม่อยาก…ไปด้วยกันหรอกหรือ” 

 

 

“ข้า…” 

 

 

“ยอง ข้ารู้ดีว่าข้าทำผิดอย่างมากมายต่อยอบ แต่ก็ไม่อาจชดใช้คืนให้ยอบได้แล้ว ดังนั้น ขอให้ข้าชดใช้ความผิดนั้นกับเจ้าแทนมิได้หรือ ช่วยอยู่เคียงข้างให้ ข้าได้ชดใช้ความผิดนั้นไม่ได้เลยหรือ” 

 

 

น้ำเสียงของชังฮโยกรีดหัวใจอย่างเจ็บปวด ขณะเดียวกัน สายตาของทันยอบที่ทำให้เขารู้สึกว่าเป็นที่รัก สัมผัส จุมพิต ความอบอุ่นและวันเวลาที่เคยตราตรึง อ้อมกอดอันอบอุ่นของอีกฝ่ายพลันถาโถมเข้ามาเช่นกัน เมื่อคิดถึงศพของทันยอบที่นอนอยู่ในสำนักหมอหลวงและยังไม่ได้จัดการฝังดิน คิดถึงแขนของชังฮโยที่ต้องสูญเสียไป ลำคอก็พลันตีบตันเสียจนหายใจลำบาก แน่นหน้าอกไปหมด 

 

 

“ข้า…” 

 

 

ทันยองเผยอปากเอ่ยออกมาอีกครา ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่ได้ หากเลือกจะใช้ชีวิตกับชังฮโย อย่างไรก็ย่อมสร้างบาดแผลให้อีกฝ่ายอย่างแน่นอน และหากสร้างบาดแผลอีก มันก็จะสร้างบาดแผลแก่ตนเองด้วยเช่นกัน 

 

 

วันนี้ทันยอบไม่มีทั้งฝักดาบ ทั้งคมดาบ ไม่รู้ว่าความปรารถนาอีกฝ่ายคืออยากให้เขาใช้ชีวิตสุขสบายหรือไม่ ตอนนี้จะเหนื่อยล้ามาก แต่ยังคงมีความรู้สึกเช่นนั้น ทว่ามันก็ไม่ใช่เสียทีเดียว 

 

 

ร่างบางขบริมฝีปากเสียจนเลือดแทบไหลซึม สุดท้ายก็เอ่ยออกมาช้าๆ 

 

 

“ไม่ล่ะ ข้าจะไม่ไปกับพี่ ข้าไม่สามารถอยู่เคียงข้างพี่ได้” 

 

 

“งั้นหรือ แล้วเจ้าจะไปที่ใด…” 

 

 

“ข้าเองก็ยังไม่รู้ อาจจะลองพเนจรไปเรื่อยๆ” 

 

 

เมื่อทันยองเงียบ ชังฮโยก็เงียบลงเช่นกัน แม้เดิมทีจะไม่ได้พูดคุยกันอย่างราบรื่นอยู่แล้ว แต่หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดคุยมากกว่านั้น คนตัวเล็กร้องขอขันทีที่เดินผ่านไปมาด้านนอกให้ช่วยแจ้งต่อฝ่าบาทว่า โปรดทรงช่วยจัดการเงินค่าใช้จ่ายเพราะตนคิดจะลองออกพเนจร รวมถึงฝากฝังเรื่องศพของทันยอบอีกด้วย 

 

 

และในวันแสนวุ่นวายกับการเริ่มต้นการไต่สวน รถม้าคลุมทับด้วยผ้าสีดำก็เคลื่อนออกจากวังหลวงในยามค่ำคืน โดยมีบุรุษร่างเล็กสวมชุดดำผู้หนึ่งควบม้าออกไปพร้อมๆ กัน 

 

 

เช้าวันต่อมา ร่องรอยการมีอยู่ของพวกเขาก็หายไปจากวังหลวงไม่มีหลงเหลือสักรอย 

 

 

 

 

 

* * * 

 

 

 

 

 

ตามเวลาแล้วยังเป็นยามเช้าอยู่ ทว่าดวงอาทิตย์กลับลอยขึ้นสูงแล้ว ในฤดูร้อนอันอบอุ่นมักจะเป็นเช่นนี้เสมอ บุรุษที่นอนอยู่บนเตียงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมทับศีรษะ กระทั่งหน้าต่างปิดกระดาษถึงสามชั้น ก็ไม่สามารถหยุดยั้งแสงเจิดจ้าของดวงอาทิตย์ได้ 

 

 

เขาพลิกตัวไปมาครู่หนึ่งก่อนจะนิ่งไป ดั่งถูกเชื้อเชิญเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครา ทว่าก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น ชายผู้นี้ก็เลิกผ้าห่มขึ้น ออกแรงลุกแล้วหย่อนขาลงมาด้านล่างเตียง เนื่องจากมีสมุนไพรให้สรรพคุณที่ดีต้องเก็บในยามเช้า หากนำสมุนไพรนั้นไปที่ร้านขายยาในหมู่บ้านก็จะได้ราคางาม วันนี้เขาจึงตั้งใจจะไปเก็บมันมา 

 

 

หลังจากสวมชุดคลุมและเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว เขาก็คว้าตะกร้าทรงเหลี่ยมขึ้นมาสะพายไหล่ด้านหนึ่ง ก่อนเอี้ยวกายต่างจากคนทั่วไปเพื่อดึงเชือกหนังที่ติดอยู่กับสายสะพายอีกด้าน มาผูกกับสายสะพายบนไหล่ แม้ว่าเขาจะสามารถสะพายเชือกตะกร้าได้ แต่เพราะไร้ข้างหนึ่งจึงไม่อาจห้ามมิให้มันไม่ไหลร่วงลงมาได้ จึงต้องจัดการผูกเช่นนี้ 

 

 

“รีบไปรีบกลับดีกว่า วันนี้คงได้พักสักหน่อย ตอนบ่ายฝนน่าจะตก” 

 

 

บ่นพึมพำเพียงลำพังบพลางนวดไหล่ไร้ท่อนแขน ก่อนจะก้าวเท้าออกจากบ้าน ตอนนี้อากาศแจ่มใสมากทีเดียว แต่สาเหตุที่ทำให้เขากล่าวว่าฝนจะตกก็เป็นเพราะแขนข้างที่หายไปนั่นเอง ถึงเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแล้ว ทว่าอาการก็เพียงทุเลาลงบ้างเท่านั้น 

 

 

แม้ไร้แขนข้างหนึ่ง เขาก็สามารถเดินขึ้นเขาอย่างชำนาญ อีกทั้งยังเก็บสมุนไพรได้อย่างเชี่ยวชาญ แน่นอนว่าถึงอย่างไรการเก็บสมุนไพรมาเติมเต็มตะกร้าด้วยมือข้างเดียว ก็ย่อมลำบากกว่าคนทั่วไปและเป็นอาชีพที่ค่อนข้างน่าเบื่อหน่าย 

 

 

คราแรกหาได้ง่ายดายเช่นนี้ ถึงจะกล่าวว่าต้องการใช้ชีวิตเพื่อหาเลี้ยงปากท้อง แต่ฝ่าบาทกลับทรงบังคับให้รับตำลึงเงินและตำลึงทอง ทั้งตรัสว่าถึงตนจะหาเลี้ยงชีพเอง ก็คงจะประสบความอดอยากเช่นแต่ก่อนจากความไม่เชี่ยวชาญ ทว่าถึงเวลานี้ก็นับว่าทำอาชีพนี้มากว่าห้าปีแล้ว ย่อมเกิดความคุ้นเคยเป็นธรรมดา ก่อนดวงอาทิตย์จะสาดแสงร้อนแรงกว่านี้ ชังฮโยก็จัดการเก็บสมุนไพรจนเสร็จเรียบร้อยแล้วลงจากเขา จากนั้นก็มุ่งหน้าตรงไปที่ร้านขายยาทันที 

 

 

เถ้าแก่เจ้าของร้านขายยาทักทายต้อนรับคนที่มายืนอยู่หน้าร้านแต่เช้า ก่อนจะพาเข้ามาด้านใน 

 

 

“โธ่ เจ้าหนุ่มคนหาสมุนไพรมาแล้ว เอามาด้วยหรือไม่” 

 

 

“ขอรับ” 

 

 

คำตอบของชังฮโยทำให้อีกฝ่ายแสดงสีหน้ายินดีและช่วยนำตะกร้าลงมาจากบ่า เจ้าของร้านขายยาวางตะกร้าตั้งลงตามคานไม้ เปิดกล่องออกทีละกล่องเพื่อตรวจดูสมุนไพร จัดวางแยกตามแต่ละชนิดบนพื้นที่ปูผ้าเตรียมเอาไว้ หลังจากคำนวณปริมาณของสมุนไพรก็จ่ายค่าตอบแทนให้อย่างมีเมตตา 

 

 

ชังฮโยค้อมคำนับต่อเถ้าแก่เมื่ออีกฝ่ายช่วยยกตะกร้ากลับขึ้นบนบ่า ก่อนจะเอ่ยลาแล้วก้าวออกจากร้าน เนื่องจากสิ่งที่แบกมาคือสมุนไพร น้ำหนักของตะกร้าขากลับจึงไม่ได้แตกต่างกับขามามากนัก 

 

 

เขานวดไหล่ไร้ท่อนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ความปวดแปลบและเมื่อยล้าค่อยๆ รุนแรงขึ้น แน่นอนว่าเมฆฝนเองก็เคลื่อนใกล้เข้ามาแล้วเช่นกัน หลังจากลงหลักปักฐานที่นี่ก็เป็นเช่นนั้นเสมอมา หากรู้สึกเมื่อยล้าและเจ็บไหล่มากๆ ขึ้นมา วันนั้นมักจะมีฝนหรือไม่ก็หิมะตกทุกครั้ง 

 

 

“คงจะต้องรีบกลับแล้ว” 

 

 

ชังฮโยเอ่ยกับตัวเองพร้อมขยับก้าวย่างอย่างรีบร้อน ทว่าการเคลื่อนที่ของเมฆฝนกลับรวดเร็วยิ่งกว่า  

 

 

แม้ยามขึ้นเขาท้องฟ้าจะยังคงสดใสอยู่ แต่ตอนนี้กลับมืดครึ้มอย่างรวดเร็ว ดังนั้นก่อนเขาจะถึงบ้านเพียงครู่เดียว สายฝนก็เริ่มเทลงมาแล้ว 

 

 

“เวรเอ๊ย” 

 

 

สบถด่าและเร่งขยับก้าวขา ทว่าก็ไม่ได้รวดเร็วเท่ากับคนปกติทั่วไป เพราะไร้แขนข้างหนึ่งช่วยทรงตัว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องระมัดระวังในการก้าวเดินมากกว่าคนอื่น อีกทั้งหากมีฝนตกลงมา พื้นดินของภูเขาจะลื่นเป็นอย่างมาก ดังนั้นชังฮโยจึงต้องระวังมากยิ่งขึ้นไปอีก 

(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย

(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย

ยูโซกัง บุตรชายเพียงคนเดียวของอดีตขุนนางกรมราชเลขา ชีวิตต้องพลิกผันจากทายาทขุนนางชั้นสูงกลายเป็นเพียงทาสผู้ต่ำต้อย หลังผู้เป็นบิดาได้รับการตัดสินโทษประหารด้วยข้อหากบฏ จำต้องอดทนอดกลั้นถูกเหล่าทาสข่มเหงรังแกทุกวี่ทุกวัน ทว่าวันหนึ่ง ขณะกำลังชำระล้างร่างกาย เขาบังเอิญช่วยชีวิตคนผู้นึงไว้ได้ โดยหารู้ไม่ว่าคนผู้นั้นคือองค์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรฮยอนวอน ยังจาฮอน ด้วยสาเหตุนั้นเอง ทำให้โซกังได้มีโอกาสเข้าวังหลวง จาฮอนตกหลุมรักโซกัง และพยายามรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ข้างกาย ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาคือบุตรชายของอดีตนักโทษประหารข้อหาร้ายแรงต่อแผ่นดิน ความรักต่างชนชั้นของทั้งคู่จะข้ามผ่านอุปสรรคและคำครหาทั้งหลายไปได้หรือไม่นะ?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset