ZOMBIE SISTER STRATEGY- ซอมบี้สาวเจ้าแผนการ – ตอนที่ 30-31 : มากินสตรอเบอร์รี่, ปลูกสตรอเบอร์รี่ในอวกาศ

ในขณะที่ดูการเคลื่อนไหวของหลินเสี่ยว  อู่เย่วหลิงก็เข้ามาใกล้พร้อมกับปิดจมูกของเธอไว้  แต่เธอยังคงเว้นระยะให้ตัวเองอยู่ห่างหนึ่งหรือสองเมตร

 

หลินเสี่ยวล้างสตรอเบอร์รี่ แต่แล้วก็รู้ว่าเธอถือพวกมันไว้ทั้งหมดไม่ได้ เธอหยุดล้าง

 

เธอจำได้ว่าใบสตรอเบอร์รี่ค่อนข้างใหญ่ เธอคิดว่าเธอน่าจะออกไปเด็ดเอามาไว้ใส่สตรอเบอร์รี่พวกนี้

 

ด้วยความคิดนั้น  เธอค่อยๆว่างสตรอเบอร์รี่ที่ล้างแล้วสองสามลูกลงบนพื้นจากนั้นก็หายไปจากอวกาศอีกครั้ง เธอออกไปเด็ดใบขนาดใหญ่ที่ไม่มีตำหนิและกลับไปล้างในทะเลสาบ แล้วล้างสตรอเบอร์รี่อีกครั้งจนหมดและใช้ใบมันห่อไว้

 

เธอดมสตรอเบอร์รี่และเป็นตามที่คาดกลิ่นเหม็นหายไปแล้ว

 

หลินเสี่ยวถือห่อสตรอเบอร์รี่ด้วยมือทั้งสองข้างเดินไปที่ชายทุ่งหญ้าสองสามก้าว วางลงบนพื้น  เธอยืนตัวตรงขณะที่มองและกวักมือให้อู่เย่วหลิง

 

ดวงตาของอู่เย่วหลิงเต็มไปด้วยความสับสนเมื่อเธอเห็นซอมบี้กวักมือเรียก  เธอบีบจมูกแน่นและยังยืนมองอยู่ตรงนั้นต่อไปแทนที่จะเข้าไปหาหลินเสี่ยวตามที่เธอเรียก

 

เมื่ออู่เย่วหลิงปฏิเสธที่จะมาหาเธอ  ทันใดนั้นหูของหลินเสี่ยวก็ได้ยินเสียงเล็กๆที่ดังขึ้น  เธอหันหน้าไปและเห็นเจ้าปุกปุยขนสีเทาตัวเล็กพุ่งออกมาจากพงหญ้า  มันยืนมองเธอและสตรอเบอร์รี่ที่พื้นใกล้เท้าของเธอ

 

หลินเสี่ยวหันกลับไปมองมัน  น่าแปลกใจที่เธอพบว่าดวงตาของกระต่ายเป็นประกายในขณะที่จ้องมองสตรอเบอร์รี่  ดูเหมือนกระต่ายอยากจะเข้ามาหา แต่ไม่กล้า

 

ท่าทางระวังของกระต่ายทำให้เธอนึกถึงอู่เย่วหลิง

 

‘ทั้งสองเป็นแบบไหน?’ หลินเสี่ยวถามตัวเอง

 

เมื่อรู้สึกถึงความโหยหาในดวงตาของกระต่าย  หลินเสี่ยวจึงพยายามโยนสตรอเบอร์รี่ลูกเล็กที่สุดไปให้มัน

 

กระต่ายตกในกับสตรอเบอร์รี่ที่เธอขว้างมาอย่างกะทันหัน  มันหันกลับและพุ่งเข้าไปหลบในพงหญ้าทันที

 

หลินเสี่ยวยืนนิ่ง  ตามคาดกระต่ายโผล่หัวออกมาจากพงหญ้าอีกครั้งในไม่กี่วินาทีต่อมา  หันไปมองรอบๆและเมื่อไม่พบอันตรายใด มันก็กระโดดออกมาและพุ่งเข้าหาสตรอเบอร์รี่  มันเอื้อมคว้าสตรอเบอร์รี่ไปและหันกลับกระโดดเข้าไปในพงหญ้าอีกครั้ง

 

ก่อนหน้านี้มันจะไม่กินสตรอเบอร์รี่แม้ว่าหลินเสี่ยวจะบังคับให้กินก็ตาม    แต่ตอนนี้มันกำลังขโมยสรอเบอรี่

 

หลินเสี่ยวมองดูกระต่ายที่ถือสตรอเบอร์รี่ออกไปด้วยความสับสน จากนั้นหันกลับไปกวักมือ           เรียกอู่เย่วหลิง

 

‘มานี่มา’

 

ในขณะที่มองไปที่ดวงตาแป๋วของอู่เย่วหลิง เธอพูดกับเด็กน้อยในใจของเธอ  เธอไม่รู้ว่าเธอจะส่งความคิดออกไปได้หรือไม่ แต่การสบตาได้ผลจริง

 

อย่างไรก็ตาม  เธอเห็นอู่เย่วหลิงส่ายหน้าใส่เธอในช่วงเวลาถัดมา

 

‘นี่…เธอได้ยินความคิดของฉันหรือเปล่า?’  หลินเสี่ยวหยุดชะงัก ความไม่แน่ใจทำให้ความคิดของเธอขุ่นมัว

 

เธอหยิบสตรอเบอร์รี่ขึ้นมาใกล้จมูกของเธอแล้วดม  จากนั้นมองไปที่อู่เย่วหลิง และกวักมือเรียกอีกครั้ง  พร้อมพูดสองสามประโยคในความเงียบ

 

‘มานี่ สตรอเบอร์รี่ล้างแล้ว  พวกมันไม่เหม็น’

 

หลังจากจบประโยคในใจเธอ  หลินเสี่ยว จ้องที่อู่เย่วหลิงและรอคำตอบของเธอ  เธอไม่แน่ใจว่าเด็กน้อยส่ายหัวเพราะเคยได้ยินความคิดของเธอหรือว่าเธอฉลาดพอที่จะเดาความหมายของเธอจากการเคลื่อนไหวและการกระทำ  ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเขามีวิธีสื่อสารกันได้แล้ว

 

อู่เย่วหลิงไม่พูดอะไร เธอไม่เคยมี  เธอไม่แม้แต่จะพูดอะไรกับอู่เฉิงเย่ว และมักจะแสดงออกทางความคิดผ่านการเคลื่อนไหวเท่านั้น  ดังนั้นเธออาจเดาความหมายของหลินเสี่ยวจากการแสดงออกของเธอได้

 

ตามคาด อู่เย่วหลิงได้เคลื่อนตัวหลังจากที่หลินเสี่ยวบอกเป็นนัยว่าสตรอเบอร์รี่ล้างแล้วและไม่เหม็น

 

เธอค่อยๆ คลายมือที่บีบจมูกลง  จากนั้นก็เชิดจมูกขึ้น สูดดมไปที่สตรอเบอร์รี่  หลังจากยืนยันได้ว่าไม่มีกลิ่นเหม็นจริงๆ เธอจึงทิ้งมือลงข้างตัว แต่ก็ยังไม่เดินไปหาหลินเสี่ยว

 

‘ไม่เหม็นแล้วจริงเหรอ? เธอโกหกฉันรึเปล่า สตรอเบอร์รี่พวกนั้นมีพิษใช่ไหม ฉันจะตายไหมถ้ากินมันเข้าไป แต่กระต่ายตัวนั้นกินครั้งก่อนมันก็ไม่ตาย ’  ขณะความคิดเหล่านั้นแล่นผ่านหัวของเธอ อู่เย่วหลิงมองไปที่หลินเสี่ยวและพยายามกระเสือกกระสน

 

หลินเสี่ยวรู้สึกได้ถึงความคิดของเธอ แทนที่จะยืนอยู่ตรงนั้นเธอหันร่างของเธอและนั่งลงบนพื้น  ตรงสตรอเบอร์รี่

 

หยิบสตรอเบอร์รี่ขึ้นมาและได้กลิ่นหอมหวาน  ไม่น่าแปลกใจที่กระต่ายวิ่งไปเร็วมาก  เห็นได้ชัดว่าความรู้สึกของกลิ่นนั้นค่อนข้างคมชัดมาก

 

กลิ่นหอมหวานนี้ดึงดูดหลินเสี่ยวแค่เพียงเล็กน้อยและไม่ได้กระตุ้นความอยากอาหารของเธอ แต่กลับเป็นกลิ่นของอู่เย่วหลิงที่ทำให้เธอน้ำลายไหลตลอดเวลา

 

เธอมองไปที่อู่เย่วหลิงอย่างมีความหมายและโบกมือให้เธออีกครั้ง  เมื่อเห็นว่าในที่สุดอู่เย่วหลิงก็เข้ามา  เธอชี้ไปที่สตรอเบอร์รี่ในมือจากนั้นก็เอาเข้าปากแล้วกัด

 

สตรอเบอร์รี่มีเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่ม แต่หลินเสี่ยวยังไม่สามารถลิ้มรส รสชาติของมันได้อยู่ดี

 

เนื้อของสตรอเบอร์รี่มีสีชมพูไม่เหมือนสีผิว

 

หลินเสี่ยวกินสตรอเบอร์รี่หมดด้วยการกัดเพียงสองสามคำ แล้วแบมืออันว่างเปล่าให้อู่เย่วหลิงดู

 

อู่เย่วหลิงเริ่มเชื่อเธอแล้วในตอนนี้ เธอเดินเขามาช้าๆ และในขณะที่เดิน เธอสูดดมหาร่องรอยของกลิ่นเหม็นที่เธอได้กลิ่นก่อนหน้านี้ด้วย

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าเธอจะเข้ามาใกล้หลินเสี่ยวแล้ว เธอก็ยังไม่ได้กลิ่นเหม็นน่ากลัวนั้นเลย

 

หลินเสี่ยวหยิบสตรอเบอร์รี่ที่สวยและอวบอิ่มที่สุดส่งให้เธอ  หยดน้ำที่เกาะอยู่บนผิวของมันสร้างแรงดึงดูดให้มันน่ากินขึ้น

 

‘กินเถอะ ไม่มีพิษ’ หลินเสี่ยวพูดกับอู่เย่วหลิงทางสายตา

 

เธอกังวลว่าอู่เย่วหลิงจะไม่เข้าใจความหมายของเธอ  เธอจึงชี้ไปที่สตรอเบอร์รี่  จากนั้นโบกมือของเธอและกวาดตัดขวางลำคอของเธอเอง  หลังจากทำเช่นนั้นเธอก็หลับตาเอียงศีรษะ   และแลบลิ้นของเธอออกมาเพื่อเลียนแบบความตายให้กับอู่เย่วหลิงดู

 

แต่  เด็กคนนี้ยิ่งสับสนกับเรื่องทั้งหมด

 

ช่วงเวลาที่ผ่านมา อู่เย่วหลิงเข้าใจความหมายของเธอแล้ว  แต่การได้เห็นเธอดูน่ากลัวเช่นนี้  เด็กรู้สึกแปลก ๆ ทันทีและไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไร

 

หลินเสี่ยวลืมตาขึ้นและมองไปที่ใบหน้าที่ว่างเปล่าของอู่เย่วหลิง เธอไม่รู้สึกถึงความคิดของคนหลัง  แต่เด็กคนนั้นมองเธอในแบบที่ใคร ๆ ก็มองว่าเป็นโรคจิตทำให้เธอเงียบไป

 

เธอถูกเด็กน้อยคนนี้เหยียดหยาม ใช่ไหม?

 

หลังจากจ้องมองหลินเสี่ยวที่แสดงท่าทางประหลาด ๆ อยู่ครู่หนึ่ง  อู่เย่วหลิงยื่นมือออกไปอย่างเงียบ ๆ และหยิบสตรอเบอร์รี่ที่หลินเสี่ยวถือไว้ให้  เธอวางไว้ใต้จมูกของเธออย่างระมัดระวังแล้วดมมัน  เธอได้กลิ่นหอม  หอมหวานแทนกลิ่นเหม็นจากนั้นบีบมันและพบว่ามันนุ่ม

 

หลินเสี่ยวยกนิ้วชี้ไปที่ปากของเธอ  เธอตั้งใจจะกระตุ้นให้อู่เย่วหลิงกัดและชิมสตรอเบอร์รี่  อย่างไรก็ตาม  คนหลังมองเธอด้วยความลังเลสงสัยอยู่พักหนึ่ง

 

เธอไม่กล้ากินมัน เพราะกลัวว่ามันจะเป็นพิษ  อย่างไรก็ตาม  ตอนนี้สตรอเบอร์รี่มีกลิ่นหอมมากทีเดียว  กลิ่นหอมหวานมาก! รสชาติจะหวานเหมือนกันไหม?

 

เมื่อเห็นท่าทางดิ้นรนของเธอ  หลินเสี่ยวก็รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรโดยไม่ได้รู้สึกถึงความคิดของเธอ  จากนั้นเธอก็ชี้ไปในทิศทางที่กระต่ายหายไปพร้อมกับพูดกับเธออย่างเงียบ ๆ ทางสายตา  ‘มันไม่เป็นไรหรอก  กระต่ายยังไม่ตายเลย ‘

 

ในที่สุดอู่เย่วหลิง ไม่สามารถต้านทานกลิ่นหอมของสตรอเบอร์รี่ได้และอ้าปาก  กัดเบา ๆ  เธอเลือกที่จะเชื่อหลินเสี่ยว

 

รสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อยติดปลายลิ้นของเธอ  ทำให้ดวงตาของเธอเปล่งประกายทันที  จากนั้นเธอก็กัดคำใหญ่ขึ้นหลังจากนั้น  เธอเริ่มกินด้วยใบหน้ามีความสุข ไม่สนใจอีกต่อไปว่าสตรอเบอร์รี่มีพิษหรือไม่

 

เธอเคี้ยวสตรอเบอร์รี่อย่างเต็มที่ หลังจากตลอดมา ท้องเธอว่างเปล่า เธออดอาหารมานานมาก

 

บทที่ 31 : ปลูกสตรอเบอร์รี่ในอวกาศ

 

เมื่อเห็นว่าในที่สุดเด็กหญิงตัวน้อยก็กินอะไรบางอย่างแล้ว หลินเสี่ยวรู้สึกโล่งใจ  อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปไม่สามารถอยู่ด้วยสตรอเบอร์รี่เพียงเท่านี้ ดังนั้นเธอจึงยังต้องหาอาหารอื่น ๆ อีก  ในขณะที่เธอไม่ได้วางแผนที่จะส่งเด็กน้อยกลับ เธอต้องไปหาอาหารเพิ่ม

 

เธอต้องหาเสื้อผ้าให้ตัวเองด้วย  และยิ่งไปกว่านั้นจำเป็นต้องหาวิธีในการปรับปรุงสภาพร่างกายของเธอเพราะการพักตัวแบบนี้ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา  นอกจากนี้ระดับซอมบี้ของเธอดูเหมือนจะต่ำไปหน่อยและความแข็งแกร่งของเธอก็แย่เกินไป เธอต้องเพิ่มความแข็งแกร่ง!

 

ในสภาพปัจจุบันของเธอ  หากเธอพบผู้นำซอมบี้ระดับห้าหรือมนุษย์ที่มีพลังพิเศษที่ระดับห้าขึ้นไป  เธอจะถูกทุบตีจากพวกเขา   เธออาจมีเวลาซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ของเธอก็ต่อเมื่อเธอโชคดี

 

ปัญหาคือเธอไม่รู้ว่าจะพัฒนาความแข็งแกร่งได้อย่างไร?  เธอควรจะฆ่าซอมบี้และเอานิวเคลียสของซอมบี้เหมือนที่ซอมบี้ตัวอื่น ๆ ทำหรือไม่?  แต่ก่อนหน้านี้นิวเคลียสของซอมบี้ระดับสามนั้นดูเหมือนจะไม่เป็นประโยชน์กับเธอเลยใช่หรือไม่?

 

หรือเธอควรฆ่ามนุษย์และรวบรวมพลังงานนิวเคลียสของพวกมัน?

 

เธอไม่สามารถสุ่มฆ่ามนุษย์ได้! หากเป้าหมายคือคนร้าย…นั่นเป็นความคิดที่ใช้การได้ – โลกล่มสลายนี้ไม่ขาดแคลนคนเลว!

 

ลี่วเถียนหยี่เป็นคนร้ายไม่ใช่หรือ?  แล้วคนที่ฆ่าเธอล่ะ?

 

ถ้าหลินเสี่ยวฟื้นฟูความแข็งแกร่งของเธอในตอนนี้ได้ เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับหลินหยงและศัตรูคนอื่นๆของเธออีกต่อไป  เธอสามารถเลือกต่อสู้กับพวกเขาได้เลยและมีโอกาสชนะอีกด้วย!

 

สรุปแล้ว ถ้าเธอจะมุ่งหน้าไปทางใต้เพื่อตามหาครอบครัว  เธอต้องพัฒนาความแข็งแกร่งให้ได้ก่อน  หลังจากนั้น, เธอไม่รู้ว่าจะเจออะไรระหว่างทาง!  ในโลกนี้ซอมบี้ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ต้องกลัว

 

คิดถึงสิ่งเหล่านี้  หลินเสี่ยวหันกลับมาและเตรียมพร้อมที่จะออกจากอวกาศ  แต่ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงการแสดงออกของเด็กน้อยที่เจ็บปวดและรู้ตัวว่าเด็กอาจรู้สึกเบื่อหรือกลัวการอยู่คนเดียว

 

‘ทำไมไม่จับกระต่ายตัวนั้นให้เธอเล่นด้วยล่ะ?  แต่ถึงแม้กระต่ายจะตัวเล็ก    มันดูดุร้ายใช่ไหม?  มันจะกัดไหม?’  หลินเสี่ยวคิด

 

หลินเสี่ยวจดจ่อหูของเธอ   ตั้งใจฟังเสียงจากหญ้ารอบ ๆ จากนั้นสูดจมูกตามเพื่อระบุตำแหน่งของกระต่ายตัวน้อย  หลังจากนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืนและหันหลังเดินเข้าไปในพงหญ้าอย่างช้าๆ

 

อู่เย่วหลิงเฝ้าดูเธออย่างอยากรู้อยากเห็น  สงสัยว่าซอมบี้กำลังจะทำอะไร   ผ่านไปไม่นานเธอก็เห็นหลินเสี่ยวออกมาพร้อมกับอุ้มกระต่ายตัวนั้น

 

หลินเสี่ยวจับขนนุ่มที่หลังคอกระต่าย  มันงอขา หูลู่ และตาสีแดงเบิกกว้าง  ปลายเท้าทั้งสองข้างของมันยังคงถือสตรอเบอร์รี่ที่กินไปครึ่งลูก

 

เธอเดินไปที่อู่เย่วหลิงและยื่นกระต่ายให้เธอ  เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองเธอจากนั้นก็เหลือบมองกระต่าย  การแสดงออกของเธอว่างเปล่าและสับสนเล็กน้อย

 

‘นี่สำหรับฉันเหรอ?  ฉันไม่ต้องการมัน! กระต่ายตัวนี้น่าเกลียดมาก! ฉันไม่ต้องการมัน!

 

อู่เย่วหลิงมองไปที่มันสองสามครั้งจากนั้นก็หันหน้าหนีซึ่งแสดงถึงความไม่ชอบ

 

เมื่อรู้สึกถึงความคิดของเธอ หลินเสี่ยว ก็พูดไม่ออก

 

ไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ทุกคนชอบสัตว์ปุกปุยเหรอ? นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนพูดกันรึไง? ใครคือคนโง่ที่พูดอย่างนั้น?  นอกจากนี้ ถึงขนสีเทาของกระต่ายตัวนี้จะดูเหมือนขี้เถ้า แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียด!  ดวงตาของมันกลมมาก  หูของมันยาวและฟันที่โค้งงอก็น่ารัก มันน่ารักจริงๆ!

 

หลินเสี่ยวยกกระต่ายขึ้นตรงหน้าของเธอและมองอย่างพิจารณา   หลังจากยืนยันได้ว่ามันน่ารักจริง  เธอเสนอกระต่ายให้กับอู่เย่วหลิงอีกครั้ง

 

อู่เย่วหลิงหันหน้ากลับหนีอีกครั้งโดยไม่เหลือบมองกระต่ายเลย และยังคงกินสตรอเบอร์รี่ของเธออย่างเงียบ ๆต่อไป

 

หลินเสี่ยวไม่มีทางเลือกนอกจากวางกระต่ายลง  จากนั้นเธอก็ใช้นิ้วจับหัวของอู่เย่วหลิง  เด็กคนนี้ไม่ได้สระผมมาหลายวัน หางม้าของเธอหลุดลุ่ยและมันเยิ้ม

 

อู่เย่วหลิงเงยหน้าขึ้นมองหลินเสี่ยว ขณะที่คนหลังสะกิดเธอ

 

หลินเสี่ยวชี้ไปที่ท้องฟ้าด้วยนิ้วของเธอก่อน จากนั้นชี้ที่ตัวเธอ แล้วเธอก็หายตัวไป

 

ด้วยท่าทางเหล่านี้ เธอพยายามบอกอู่เย่วหลิงว่าเธอจะจากไป

 

เมื่อเห็นหลินเสี่ยวหายตัวไปในทันใด  อู่เย่วหลิงหยุดชั่ววินาทีจากนั้นดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและริมฝีปากของเธอเริ่มสั่น  เธอมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตระหนก แต่ไม่เห็นหลินเสี่ยว  อาจเป็นเพราะเธอเคยผ่านประสบการณ์นี้มาสองสามครั้งและคุ้นเคยกับสิ่งนี้มาแล้ว  เธอสงบลงหลังจากมองไปรอบ ๆ อีกครั้งและยืนยันว่าหลินเสี่ยวได้ออกไปจากที่นี่แล้วจริงๆ

 

เธอยังคงกินสตรอเบอร์รี่ของเธออย่างเงียบ ๆ ในที่สุดก็หมดลูก เธอก็ก้มศีรษะลงแล้วมองดูสตรอเบอร์รี่ที่เหลืออยู่ข้างๆเธอจากนั้นก็หยิบมาอีกหนึ่งลูกแล้วกินต่อไป

 

…………..

 

หลินเสี่ยวมองไปรอบๆ ทุ่งสตรอเบอร์รี่หลังจากออกมาจากพื้นที่อวกาศของเธอ  แสงจันทร์สาดส่องบนโลกสีเงินจางๆ เนื่องจากสตรอเบอร์ที่ที่เด็ดออกจากต้นแล้วมันไม่สามารถเก็บไว้ได้นานๆ เธอสงสัยว่าจะปลูกสตรอเบอรี่ไว้ในพื้นที่อวกาศของเธอและให้มันเติบโตได้หรือไม่

 

เธอเคลื่อนตัวอีกครั้งเมื่อคิดดังนั้น รีบก้มลงขุดรากของต้นสตรอเบอร์รี่ขึ้นมา เธอไม่รู้วิธีการปลูกจึงขุดเอาทั้งดินทั้งต้นทั้งหมดขึ้นมา

 

โชคดีที่กรงเล็บของเธอมีประโยชน์และทำให้เธอขุดลงบนพื้นได้อย่างง่ายดาย  อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของเธอยังช้าอยู่เนื่องจากความยืดหยุ่นที่ไม่ดี  ในที่สุดหนึ่งชั่วโมงต่อมาพื้นที่ขนาดใหญ่ของทุ่งสตรอเบอร์รี่แห่งนี้ก็ว่างเปล่าโดยซอมบี้ที่ชื่อว่าหลินเสี่ยว

 

หลังจากขุดสตรอเบอร์รี่ได้หลายสิบต้นแล้ว  หลินเสี่ยวหยุดแล้วก็พุ่งเข้าไปในอวกาศของเธอ

 

เธอกลับเข้ามาในอวกาศอีกครั้ง เธอพบว่าต้นสตรอเบอร์รี่ถูกโยนลงไปอยู่กลางสนามหญ้าและทับหญ้าลงไปที่พื้นดิน  จากตรงนี้อู่เย่วหลิงยืนอยู่ค่อนข้างไกล ในมือถือสตรอเบอร์รี่สองลูกสุดท้าย

 

สตรอเบอร์รี่จำนวนมากยังคงห้อยอยู่บนต้นที่หลินเสี่ยวโยนไว้ที่พื้น  ดังนั้นที่ทั้งหมดจึงเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นจากยังไม่ได้ล้างน้ำ

 

หลินเสี่ยวไม่ได้ความเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็น ดังนั้นเธอจึงค่อยๆแยกต้นสตรอเบอร์รี่ออกจากกันแล้วเริ่มขุดหลุมในอวกาศของเธอ  หลังจากขุดแล้วเธอก็ปลูกสตรอเบอร์รี่เหล่านี้ตามหลุมที่ขุดนั้น

 

การเคลื่อนไหวการปลูกนี้ใช้เวลานาน หลังจากเธอปลูกเสร็จ  เธอลุกขึ้นยืนและมองไปที่อู่เย่วหลิงเพียงเพื่อพบว่าเด็กคนนั้นย้ายไปอยู่อีกฝั่งของทะเลสาบและนอนขดตัวอยู่บนพื้นหญ้า

 

จู่ๆหลินเสี่ยวก็ตบหน้าผากของตัวเอง   เธอควรจะหาอะไรมาให้เด็กนอนก่อน   แต่เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น

 

เจ้าตัวเล็กดูน่าสงสารมากตอนนอนบนพื้นหญ้าแบบนี้!

 

เธอไปที่ริมทะเลสาบและล้างมือ  หลังจากล้างดินออกจากมือเธออย่างระมัดระวัง  เธอมองย้อนกลับไปที่สตรอเบอร์รี่ที่ปลูกไว้  ต้นสตรอเบอร์รี่กำลังเหี่ยวเฉา เธอจะต้องรดน้ำหลังจากนี้

 

เธอส่องประกายออกมาจากอวกาศอีกครั้งจากนั้นมองไปรอบ ๆ เธอและมองเห็นบ้าน – คล้ายอาคารห่างออกไปไม่ไกล  น่าจะเป็นบ้านของเจ้าของไร่สตรอเบอร์รี่แห่งนี้  ที่อาศัยอยู่ก่อนวันโลกล่มสลาย

 

เธอเดินไปที่บ้านและไม่นานก็มาถึงที่นั่น  ใช้ความพยายามเล็กน้อย

 

มันเป็นบ้านหลังคาแบน  ประตูและหน้าต่างโทรม  ข้าวของในบ้านถูกรื้อค้นและโยนทิ้งอย่างไร้ความปราณี บ้านหลังนี้ถูกปล้นอย่างชัดเจน แต่นั่นคงจะเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว เพราะตอนนี้ฝุ่นหนาปกคลุมทุกอย่าง

 

หลินเสี่ยวเดินเข้าไปข้างในแล้วมองรอบ ๆ  มีของเหลืออยู่ไม่มากนัก เนื่องจากทุกอย่างที่ใช้งานได้ถูกเอาไปหมดแล้ว

 

เธอเดินไปรอบ ๆ ค้นหาในห้องนั่งเล่นและห้องนอน  แต่ไม่พบแม้แต่ผ้าห่มที่เน่าเสีย  เธอพบเสื่อที่มีฝุ่นซึ่งยังไม่แตกหักแม้จะผ่านไปนานแล้วเพราะทำจากไม้ไผ่

 

ZOMBIE SISTER STRATEGY

ZOMBIE SISTER STRATEGY

คำโปรย หลินเสี่ยวจำไม่ได้ว่าในช่วงห้าปีที่ผ่านมานับตั้งแต่หลังโลกเกิดวันสิ้นโลกขึ้น เธอตื่นขึ้นมาเพียงเพื่อจะพบว่าตัวเองกลายเป็นทารกแรกเกิด มหาอำนาจแห่งซอมบี้ ในร่างกายที่เคยเป็นของผู้หญิงชั่วร้ายและฉาวโฉ่! เมื่อเด็กหญิงถูกลักพาตัวและพ่อของเธอถูกข่มขืน กลุ่มทำให้เธอเสียชีวิตด้วยการลงมือประทุษกรรมเธอ มันเป็นสิ่งที่ติดพันเธอไปตลอดชีวิต ชีวิตของหลินเสี่ยวไม่มีทางเลือกนอกจากจัดการกับผลที่ตามมาในขณะที่พยายามคิดถึงเรื่องราวในอดีตของเธอและชะตากรรมของคนที่เธอรัก สำหรับพ่อของเด็กหญิงตัวน้อยนั้นเขาไม่สามารถต่อสู้ได้เลยหรือ? เขาเป็นมนุษย์แต่ทำไมเขาถึงกัดซอมบี้? เธอเป็นซอมบี้! เธอควรเป็นคนกัด! ……………………………………… #โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน อาจมีคำหยาบและคำบรรยายภาพที่รุนแรง H18+ # เหนืออื่นใด การอ่านนิยายเป็นอรรถรสของจินตนาการและการผ่อนคลาย # ถ้าอยากคิดว่าเป็นตัวละครตัวใด คี้ด คิดได้เลยจ้า โลกของจินตนาการ เรามีเสรี

Options

not work with dark mode
Reset